ในช่วงประมาณปลายปีที่แล้วมีปัญหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการภายในของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนทำให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ถูกปลดออกจากตำแหน่งกลางคันทั้งที่เพิ่งคุมทีมมาได้เพียงแค่ครึ่งซีซั่นเท่านั้น เป็นการปลดแบบสายฟ้าผ่าที่ทำให้ ปีศางแดง ต้องพยายามหานายใหญ่คนใหม่มาคุมทีมให้สำเร็จ แต่การจะหาผู้จัดการทีมมาคุมทีมแบบถาวรในช่วงกลางซีซั่นไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาจึงตัดสินใจใช้วิธีการแต่งตั้งผู้จัดการทีมชั่วคราวแทน พวกเขาจึงจ้างปรมาจารย์ด้านเกเก้นเพรสซิ่งอย่าง ราล์ฟ รังนิก มาคุมทีม ในช่วงแรกที่มีข่าวออกมากุนซือหลายคนไม่เว้นแม้กระทั่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่าและเจอร์เกน คลอปป์ต่างก็รู้สึกกังวลไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะหลงลืมบางสิ่งบางอย่างไปว่าชายผู้นี้มีความสามารถในด้านกลยุทธ์ฟุตบอลก็จริงแต่เขามีความถนัดในด้านการบริหารมากกว่าการลงมาคุมทีม สุดท้ายแล้วผลงานภายใต้การคุมทีมของรังนิกจึงออกมาไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตามเขายังคงมีความมั่นคงอยู่ในรั้วโอลด์แทรฟฟอร์ดเนื่องจากการเซ็นสัญญามีการพ่วงสัญญาที่ปรึกษาทีมต่อไปอีกถึง 2 ปีเลยทีเดียว แต่แล้วดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะเริ่มรู้สึกแล้วว่าตนเองเอาชื่อเสียงมาทิ้งไว้ในโรงละครแห่งความฝัน ก่อนหน้านี้จึงมีข่าวร่ำๆ ออกมาว่าเขาอาจจะไม่รับงานที่ปรึกษาทีมต่อไปก็เป็นได้ เนื่องจากเจ้าตัวนั้นนอกจากจะล้มเหลวในด้านการคุมทีม การคุมผู้เล่น ยังมีปัญหากับบอร์ดบริหารเหมือนกับที่อดีตกุนซือของยูไนเต็ดทุกคนเคยเจอ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมาทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้มีการออกมาประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า ราล์ฟ รังนิก จะไม่สานต่อทำหน้าที่ที่ปรึกษาให้กับสโมสรอีกต่อไปเนื่องจากจะต้องทุ่มเทการทำงานให้กับการคุมทีมชาติออสเตรีย รังนิกได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทรนเนอร์ประจำทีมชาติออสเตรียมาตั้งแต่เดือนเมษายน โดยการคุมทีมชาติจะเริ่มขึ้นหลังการแข่งขันพรีเมียร์ลีก 2021 จบซีซั่นลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในช่วงเวลาดังกล่าวยังมีการออกมายืนยันว่าเจ้าตัวจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับผีแดงต่อไป โดยจะเข้ามาทำงาน 6 วันต่อเดือนแต่ได้รับค่าแรงมหาศาลจนทำให้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ได้ออกมายืนยันด้วยตัวเองแล้วว่าจากนี้ไปจะทำหน้าที่ในการคุมทีมชาติออสเตรียเพียงแค่อย่างเดียว ในขณะที่ฝั่งยอดทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์เองก็ออกมายืนยันเช่นเดียวกัน
ติดตามข่าวกีฬาน่าสนใจ :: ข่าวฟุตบอลออนไลน์